รหัสสินค้า | RM - 00103 |
หมวดหมู่ | เมล็ดพันธุ์พืช-ผลไม้และผักสวนครัว |
ราคา | 70.00 บาท |
สถานะสินค้า | พร้อมส่ง |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | ราคาสินค้ายังไม่รวมค่าขนส่ง |
ลงสินค้า | 30 ธ.ค. 2558 |
อัพเดทล่าสุด | 26 มิ.ย. 2559 |
คงเหลือ | ไม่จำกัด |
จำนวน | ซอง |
เมล็ดสะตอเบอร์รี่สีแดง Red fragaria ananassa 50 เมล็ด 70 บาท จำนวนสั่งซื้อขั้นต่ำตั้งแต่ 3 ชิ้นขึ้นไป
การเพาะเมล็ดสตรอเบอร์รี่และผลเบอร์รี่ต่าง ๆ
ผลตระกูลเบอร์รี่ต่าง ๆ จะใช้เวลาพักตัวประมาณ 3 เดือน ในการเพาะเมล็ดพืชตระกูลนี้ จะต้องทำการหลอกเขาด้วยการเอาเมล็ดพันธุ์ไปแช่ในอุณหภูมิที่เย็นจัดด้วย โดยมีขั้นตอนดังนี้ครับ
เอาเมล็ดพันธุ์เบอร์รี่หรือสตรอเบอร์รี่ มาใส่ในถุงซิบล็อคหรือกล่องพลาสติกที่มีฝาปิด แล้วเอาไปแช่ตู้เย็น โดยไว้ในช่องแช่แข็งก่อน เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อทำให้เหมือนเป็นฤดูหนาวในต่างประเทศ พอครบกำหนด ก็เอาเมล็ดออกจากตู้เย็นทำเหมือนว่าฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว
จากนั้นก็เอามาเพาะ โดยวางไว้ที่อุณหภูมิห้อง ถ้าคิดว่าอากาศร้อนเกินไป ก็ลองมองหาจุดที่เย็นหน่อย เช่น ใต้ร่มไม้ แสงแดดรำไร ที่ร่มแสงแดดส่องถึง อาจจะข้างโอ่งน้ำก็ได้ เลือกเอามุมที่เย็น ๆ ไม่โดนแสงแดดแรง ๆ เลือกแดดช่วงเช้า แสงแดดอ่อน ๆ เพราะถ้าแดดแรง เวลารากงอกก็อาจจะตายได้ พยายามให้เหมือนฤดูร้อนเมืองนอก ที่ประมาณ 15–20 องศาเซลเซียส
เอาดินที่ร่อนละเอียด เลือกดินร่วนซุย เช่น ดินปลูกบอนไซ มาร่อนก่อน แล้วเอาใส่ตระกร้า หรือถาดหลุมเพาะเมล็ด กลบหน้าเมล็ดให้มีความหนาประมาณ 1 เซนติเมตร สเปรย์น้ำด้วย ฟ็อกกี้ โดยครั้งแรกสเปรย์ให้โชกไปเลย ทิ้งไว้จนกว่าดินจะหมาด แล้วคลุมภาชนะปลูกด้วยพลาสติก ช่วงนี้ระวังเชื้อราและรากเน่า สามารถพ่นยากันเชื้อรากันเน่าได้ ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านเคมีเกษตรทั่วไป
หลังจากนั้นก็ตรวจสอบดินเป็นระยะ อย่าให้ดินแห้งเกินไป หรือแฉะเกินไป สเปรย์น้ำให้ดินเปียกหมาด ๆ มีความชื้น ประมาณ 70 % และให้มีความชื้นอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเมล็ดงอกแล้ว ก็ให้ถอดพลาสติกออก ปกติเมล็ดจะไม่ได้งอกพร้อมกันหมด แต่จะทยอยกันงอก โดยจะใช้เวลางอกที่ประมาณ 1- 6 สัปดาห์ เมื่องอกแล้วให้วางต้นกล้าไว้ที่สภาพแวดล้อมเช่นเดิม อย่าเพิ่งให้โดนแสงแดดโดยตรงแรง ๆ
เมื่อต้นกล้าอายุประมาณ 2 เดือน ให้ย้ายลงปลูกในกระถาง 4 นิ้ว ใช้ดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี รอให้ต้นพักฟื้นในร่มสัก 1-2 วัน แล้วย้ายไปปลูกไว้กลางแจ้ง อุณหภูมิประมาณ 18-20 องศา ดูแลให้ดินมีความชื้นตลอดแต่อย่าให้แฉะ
เมื่อต้นกล้าโตพอ ก็สามารถย้ายไปปลูกลงดินได้ หรือเปลี่ยนใส่กระถางที่ใหญ่ขึ้นก็ได้ตามต้องการ สามารถใส่ปุ๋ยอินทรีย์ทั่วไป แต่แนะนำให้ใช้ปุ๋ยหมักสูตรน้ำจะดีกว่า
เมื่อเริ่มออกผลให้ใส่ปุ๋ยสูตร 20-20-20 แต่อัตราเข้มข้นปุ๋ยลดเหลือครึ่งหนึ่งของปกติ ถ้าไม่แน่ใจ ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ธรรมชาติ เช่น ปุ๋ยหมักสูตรน้ำ มูลสุกรหมัก ใส่อ่อน ๆ แต่ใส่บ่อย ๆแทน โดยถ้าใส่อ่อน ๆ จะใส่ทุกอาทิตย์ก็ได้ เพียงเท่านี้ ก็จะมีผลอร่อย ๆ ออกมาให้เราได้ชิมกันครับ
อ้างอิงที่มาจาก....http://manopas.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87-%E0%B9%86/.html
คิวอาร์โค้ด ID Line : autobig22
หน้าที่เข้าชม | 395,901 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 272,047 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 พ.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ก.ย. 2568 |
คลิปวีดีโอเพื่อเกษตรกร